สมาชิก@AD

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ใบชาไทย


เมื่อพูดถึงชาดีมีคุณภาพ คงต้องนึกถึงชาที่มาจากประเทศจีน ทว่า วันนี้ ชาของคนไทย ในชื่อ ชาวังพุดตาล ถิ่นกำเนิดจากดอยแม่สลอง จ.เชียงราย ที่มีคุณภาพไม่แพ้ต้นตำรับ ในขณะที่ราคาถูกกว่า 3-4 เท่าตัว สามารถทำตลาดส่งกลับไปขายยังประเทศที่มาได้อีกด้วย

พิธาร พืชมงคล เจ้าของธุรกิจเผยว่า ชาของไร่วังพุดตาล จุดเด่น อยู่ที่กลิ่นหอมละมุน และรสชาติกลมกล่อม เหมือนกับชาต้นตำรับแท้ๆ จากประเทศจีน หรือไต้หวัน โดยเคล็ดลับของการได้มาซึ่งรสชาติดังกล่าว เกิดจากใบชาคุณภาพ ซึ่งปลูกบนดอยแม่สลอง จ.เชียงราย บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร ซึ่งถือเป็นระดับที่อากาศ และอุณหภูมิ เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกใบชา

สำหรับพันธุ์ใบชาของไร่วังพุดตาล นำมาจากไต้หวัน โดยมาปลูกที่ไร่แม่สลองกว่า 21 ปีมาแล้ว ใช้กรรมวิธีการเก็บและอบใบชาที่เป็นเทคนิคเฉพาะตัว ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากเซียนชาชาวไต้หวัน โดยทุกวันนี้ ธุรกิจของไร่วังพุดตาล ถือเป็นผู้ผลิตใบชารายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้รับคัดสรรเป็นโอทอป 5 ดาวของประเทศ โดยมีตลาดส่งไปจำหน่ายนานาประเทศ อาทิ จีน มาเลเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ เป็นต้น รวมถึงตลาดในประเทศ สำหรับกลุ่มผู้นิยมการดื่มชาแบบต้นตำรับ

เจ้าของไร่ระบุว่า จุดเด่นอีกประการ อยู่ที่ราคาถูก ระดับชาเกรดเอ ขายอยู่ที่ 3,000 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถูกกว่าของจีน หรือไต้หวันกว่า 3-4 เท่าตัว ส่วนสรรพคุณของใบชานั้น มีหลายประการ อาทิ ช่วยลดความดัน ลดไขมันในเส้นเลือด ฯลฯ


นอกจากนี้ การดื่มชาให้ได้อรรถรส และประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องรู้จักกรรมวิธีในการชง และใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม ดังนั้น ทางไร่ฯ จึงเป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์ชงชาชั้นเยี่ยมมาจากประเทศจีน โดยตัวเขาจะเป็นคนเดินทางไปเสาะแสวงหาด้วยตัวเอง เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ ประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตได้

“การชงชา และดื่มชาเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งคนไทยส่วนมากยังดื่มชาแบบผิดๆ ทำให้ไม่ได้รับรสชาติที่แท้จริงของใบชา ส่วนมากจะดื่มแบบนำใบชาลงไปแช่ ทำให้เกิดรสขม หรือบางคนกินแล้วเกิดอาการท้องผูก ซึ่งปัญหาเหล่านี้ มาจากการชงที่ผิดวิธี”

ด้านช่องทางจัดจำหน่ายเวลานี้ มีทั้งผลิตส่งตามคำสั่งซื้อ และมีหน้าร้านของตัวเอง ชื่อ “ห้างชาจงซิน” อยู่ที่ชั้น 2 บองพลาซ่า ศูนย์สินค้าบองมาเช่ ส่วนคู่แข่ง เวลานี้ ยังไม่มีรายใดขึ้นมาเทียบได้ และมองตลาดของธุรกิจยังเปิดกว้าง เพราะปริมาณใบชาที่มีคุณภาพ ซึ่งผลิตได้ในทุกวันนี้ ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด




ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เช่นนี้ ยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใบชา และอุปกรณ์ชงชาอยู่ในกระเช้าของขวัญ ด้วยราคาไม่สูงนัก ประมาณ 700 บาท ซึ่งสามารถทำตลาดได้อย่างดี เนื่องจากปัจจุบัน คนทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพ จึงไม่นิยมมอบสุราเป็นของขวัญ การมอบชุดกระเช้าชา จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่ลงตัว

“ความคาดหวังส่วนตัว ผมคิดว่า คงไม่ขยายธุรกิจอะไรมากมายแล้ว ผมยึดคติทำอย่างเพียงพอ ทว่า ผมอยากให้คนทั่วไปรู้ว่า ชาของไทยคน ก็เป็นหนึ่งในชาดีของโลก ขนาดต้นตำรับแท้ๆ ยังต้องสั่งสินค้าจากเรา ซึ่งผมถือว่า เป็นสิ่งที่คนไทย ควรจะภาคภูมิใจ”




ไม่มีความคิดเห็น:

Museum of siam