สมาชิก@AD

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

น้ำลูกยอ



เป็นที่ทราบกันดีว่า น้ำลูกยอ เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ มีวิตามินซี โปแตสเซียม วิตามิน เอ สูง มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยชะลอการความแก่และสามารถป้องกันโรคมะเร็ง และโรคภูมิแพ้ได้ ซึ่งช่วงหนึ่งกระแสน้ำลูกยอเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ของคนไทย แต่ในขณะนั้นยังไม่มีผลการวิจัยถึงคุณประโยชน์ที่ชัดเจน ทำให้หลายคนเลิกดื่มกันไป

ซึ่งในปัจจุบัน มีผลงานวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ที่ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏลพบุรี มารองรับ ว่าลูกยอมีสารที่ช่วยต้านมะเร็ง แก้โรคความดัน และสามารถปรับสมดุลให้กับร่างกาย ซึ่งตรงกับงานวิจัยของต่างชาติที่ดื่มกันมานานแล้ว โดยที่ผ่านมามีคนไทยบางกลุ่มที่ซื้อน้ำลูกยอดื่มเพื่อสุขภาพจากต่างประเทศกันเป็นจำนวนมาก ทั้งๆ ที่พันธุ์ลูกยอของไทยก็มีสรรพคุณไม่ด้อยไปกว่าของต่างชาติเลย

สิริกานดา เขมาภิรักษ์ ผู้ผลิตน้ำลูกยอภายใต้แบรนด์ “บัวศรี” ก็เคยเป็นผู้หนึ่งที่นิยมดื่มน้ำลูกยอจากต่างประเทศ ตกขวดละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท มาแล้ว แต่ขณะนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย ที่มีโอกาสผลิตน้ำลูกยอส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศบ้าง สิริกานดา เล่าว่า ในช่วงแรกตนเองมีธุรกิจในกรุงเทพฯ แต่เมื่อตนและสามี มีสุขภาพไม่ดี เป็นโรคภูมิแพ้ จึงคิดที่จะย้ายมาอยู่ที่จ.สิงห์บุรี เพื่อต้องการอากาศที่บริสุทธิ์ และคิดทำธุรกิจที่เน้นการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เช่น การเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ชน และการทำปุ๋ยชีวภาพจากหอยเชอรี่ แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไปเนื่องจากไม่มีความรู้ โดยจุดหักเหของชีวิตที่ขณะนี้ประสบความสำเร็จในการผลิตน้ำลูกยอจำหน่าย เกิดจากตนเองและสามี มักจะสั่งซื้อน้ำลูกยอจากต่างประเทศมาดื่มเป็นประจำ แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง จึงคิดที่จะลองทำเพื่อดื่มเอง โดยใช้เวลาลองผิดลองถูกมากว่า 2 ปี กว่าจะมาลงตัวที่สูตรอย่างในปัจจุบัน

“การทำน้ำลูกยอ ในช่วงแรก ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะเราไม่มีความรู้ในเรื่องลูกยอเลย แม้ในพื้นที่ของจ.สิงห์บุรี ก็มีผู้ที่ปลูกยอกันเยอะก็ตาม ซึ่งขั้นตอนของการหมักถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะหากหมักไม่ดี จะทำให้เกิดแก๊ส ตอนบรรจุลงขวดพลาสติก ขวดจะพองตัวขึ้นจำหน่ายไม่ได้ แต่สุดท้ายก็รู้ขั้นตอนที่ถูกต้องจากการลองผิดลองถูก มากว่า 2 ปี” จนกระทั่งได้มีโครงการของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา จัดให้มีการนำผลิตภัณฑ์เข้าประกวด เพื่อคัดสรรสู่สินค้าโอทอป จึงตัดสินใจลองนำน้ำลูกยอ เข้าประกวดเมื่อปี 2547 จนได้รับเลือกให้เป็นสินค้าโอทอป 4 ดาว โดยทำการเปิดตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงาน โอทอป ซิตี้ ที่เมืองทองธานี ก็ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงามเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นผลิตภัณฑ์น้ำลูกยอเจ้าแรกที่ได้รับรางวัลเชลล์ชวนชิม “เมื่อเราคิดที่จะทำขายอย่างจริงจัง เพื่อให้คนไทยลดการนำเข้าอาหารเสริมต่างจากประเทศ ก็เริ่มปลูกต้นยอ ในพื้นที่ของตนเองจำนวน 2,000 ต้น รวมถึงจ้างให้เกษตรกรปลูก โดยทางเราได้มีการประกันราคาให้ในราคากิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีกทางหนึ่ง ซึ่งวัตถุดิบที่ต้องใช้ในแต่ละวันจะอยู่ที่ 200-300 กิโลกรัม กำลังการผลิตประมาณ 1,000 ขวด/วัน” ปัจจุบันน้ำลูกยอภายใต้แบรนด์แม่บัวศรี มีทั้งหมด 4 สูตร คือ 1.สูตรดั้งเดิม เป็นสูตรขายดีที่สุด (ราคา 280 บาท ขนาด 750 ซีซี) 2.สูตรลูกยอน้ำผึ้ง (ราคา 320 บาท) 3.สูตรลูกยอกระชายดำ (ราคา 290 บาท) 4.สูตรลูกยอกระชายดำผสมน้ำผึ้ง (ราคา 300 บาท) รวมถึงมีการนำลูกยอมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอีกหลายชนิด เช่น สบู่ลูกยอ โคลนพอกหน้าลูกยอ และแคปซูลลูกยอ เป็นต้น โดยมีจำหน่ายที่กรมส่งเสริมการส่งออก (รัชดา) กระทรวงพาณิชย์ ห้างแฟชั่นไอซ์แลนด์, ซีคอนสแควร์, เสรีเซ็นเตอร์ และตามจังหวัดใหญ่ๆ เช่น อุบลราชธานี เชียงใหม่ ระยอง และพัทยา เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นตัวแทนจำหน่าย




หลังจากที่น้ำลูกยอแม่บัวศรี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต และต้องตัดสินใจกู้เงินจากทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) วงเงิน 2,300,000 บาทเพื่อลงทุนในเรื่องการทำโรงเรือน เพิ่มวัตถุดิบ สร้างรั้ว และซื้อรถกระบะ เพื่อใช้ในการขนส่ง ส่วนการส่งออก สิริกานดา บอกว่า ขณะมีชาวต่างชาติสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ประเทศโครเอเชีย ญี่ปุ่น และสวีเดน ซึ่งมีทั้งการสั่งให้ผลิต และสั่งซื้อในแบรนด์ของบัวแม่ศรีโดยตรง ซึ่งสัดส่วนการส่งออกประมาณ 80% ขายในไทยเพียง 20% เท่านั้น แต่ความตั้งใจจริงผู้ผลิตต้องการจำหน่ายในประเทศให้ได้ 100% เพราะต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดี อัตราการเจ็บป่วยน้อยลง และลดการนำเข้าอาหารเสริมจากต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งคนไทยสามารถมั่นใจในคุณภาพของน้ำลูกยอแม่บัวศรีได้ เพราะไม่เพียงแต่จะได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยแล้ว ยังได้รับ อย. จากประเทศญี่ปุ่น และโครเอเชีย อีกด้วย หลังจากที่น้ำลูกยอแม่บัวศรี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต และต้องตัดสินใจกู้เงินจากทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) วงเงิน 2,300,000 บาทเพื่อลงทุนในเรื่องการทำโรงเรือน เพิ่มวัตถุดิบ สร้างรั้ว และซื้อรถกระบะ เพื่อใช้ในการขนส่ง ส่วนการส่งออก สิริกานดา บอกว่า ขณะมีชาวต่างชาติสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ประเทศโครเอเชีย ญี่ปุ่น และสวีเดน ซึ่งมีทั้งการสั่งให้ผลิต และสั่งซื้อในแบรนด์ของบัวแม่ศรีโดยตรง ซึ่งสัดส่วนการส่งออกประมาณ 80% ขายในไทยเพียง 20% เท่านั้น แต่ความตั้งใจจริงผู้ผลิตต้องการจำหน่ายในประเทศให้ได้ 100% เพราะต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดี อัตราการเจ็บป่วยน้อยลง และลดการนำเข้าอาหารเสริมจากต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งคนไทยสามารถมั่นใจในคุณภาพของน้ำลูกยอแม่บัวศรีได้ เพราะไม่เพียงแต่จะได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยแล้ว ยังได้รับ อย. จากประเทศญี่ปุ่น และโครเอเชีย อีกด้วย หลังจากที่น้ำลูกยอแม่บัวศรี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต และต้องตัดสินใจกู้เงินจากทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) วงเงิน 2,300,000 บาทเพื่อลงทุนในเรื่องการทำโรงเรือน เพิ่มวัตถุดิบ สร้างรั้ว และซื้อรถกระบะ เพื่อใช้ในการขนส่ง ส่วนการส่งออก สิริกานดา บอกว่า ขณะมีชาวต่างชาติสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ประเทศโครเอเชีย ญี่ปุ่น และสวีเดน ซึ่งมีทั้งการสั่งให้ผลิต และสั่งซื้อในแบรนด์ของบัวแม่ศรีโดยตรง ซึ่งสัดส่วนการส่งออกประมาณ 80% ขายในไทยเพียง 20% เท่านั้น แต่ความตั้งใจจริงผู้ผลิตต้องการจำหน่ายในประเทศให้ได้ 100% เพราะต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดี อัตราการเจ็บป่วยน้อยลง และลดการนำเข้าอาหารเสริมจากต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งคนไทยสามารถมั่นใจในคุณภาพของน้ำลูกยอแม่บัวศรีได้ เพราะไม่เพียงแต่จะได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยแล้ว ยังได้รับ อย. จากประเทศญี่ปุ่น และโครเอเชีย อีกด้วย หลังจากที่น้ำลูกยอแม่บัวศรี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเพิ่มกำลังการผลิต และต้องตัดสินใจกู้เงินจากทาง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) วงเงิน 2,300,000 บาทเพื่อลงทุนในเรื่องการทำโรงเรือน เพิ่มวัตถุดิบ สร้างรั้ว และซื้อรถกระบะ เพื่อใช้ในการขนส่ง ส่วนการส่งออก สิริกานดา บอกว่า ขณะมีชาวต่างชาติสั่งเข้ามาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ประเทศโครเอเชีย ญี่ปุ่น และสวีเดน ซึ่งมีทั้งการสั่งให้ผลิต และสั่งซื้อในแบรนด์ของบัวแม่ศรีโดยตรง ซึ่งสัดส่วนการส่งออกประมาณ 80% ขายในไทยเพียง 20% เท่านั้น แต่ความตั้งใจจริงผู้ผลิตต้องการจำหน่ายในประเทศให้ได้ 100% เพราะต้องการให้คนไทยมีสุขภาพดี อัตราการเจ็บป่วยน้อยลง และลดการนำเข้าอาหารเสริมจากต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งคนไทยสามารถมั่นใจในคุณภาพของน้ำลูกยอแม่บัวศรีได้ เพราะไม่เพียงแต่จะได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยแล้ว ยังได้รับ อย. จากประเทศญี่ปุ่น และโครเอเชีย อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

Museum of siam